รู้ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทในท้องถนนของประเทศไทยมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีรถยนต์หลากหลายแบรนด์ในท้องตลาดมากขึ้น ประกอบกับคนในสังคมให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัญหาด้านมลพิษทางอากาศเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ ปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดมลพิษทางอากาศมาจากควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงเลือกเปลี่ยนยานพาหนะจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงมาเป็นรนยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เป็นพลังงานสะอาดแทน  

รถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร
รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV (Electric Vehicle) คือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานในการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแทนการใช้เครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้แบบสันดาป โดยกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่แบตเตอรี่รถยนต์และสามารถชาร์จแบตเตอร์รี่เพื่อสะสมพลังงานไว้ใช้ได้


ระยะเวลาการชาร์จแบตเตอร์รี่เทียบกับการเติมน้ำมัน

เนื่องด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงการพัฒนา ทำให้เมื่อเปรียบเทียบระหว่างการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและการเติมน้ำมัน จะเห็นได้ว่าการเติมน้ำมันใช้เวลาที่สั้นกว่า โดยการเติมน้ำมันให้เต็มถังใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที หรือน้อยกว่าและเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้า ใช้เวลาการชาร์จแบตเตอร์รี่ในหนึ่งครั้งประมาณ 30 นาที หรือ หากต้องการชาร์จจนเต็ม จะใช้เวลาตั้งแต่ 4 ชั่วโมง ขึ้นไป


จำเป็นต้องมีที่ชาร์จที่บ้านหรือไม่
สำหรับใครที่เลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า สิ่งที่ควรตัดสินใจต่อมานั่นคือ จะเลือกชาร์จแบตเตอร์รี่ที่บ้านหรือชาร์จตามศูนย์ให้บริการนอกบ้านดี? หากท่านใดเลือกชาร์จแบตเตอร์รี่ที่บ้าน ท่านจะต้องติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าโดยคำนึงถึงกำลังไฟของที่ชาร์จ กำลังไฟของบ้าน และความสามารถในการรับไฟของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งในปัจจุบันหลายโครงการหมู่บ้านเพิ่มที่ชาร์จรถไฟฟ้าให้เป็นส่วนหนึ่งของบ้านเพื่อรองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าของลูกบ้าน สำหรับท่านใดที่ไม่สะดวกติดตั้งที่ชาร์จที่บ้าน สามารถเลือกชาร์จแบตเตอร์รี่ตามสถานีให้ชาร์จต่าง ๆ ได้ ปัจจุบันมีสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากมาย เช่น ห้างสรรพสินค้า สำนักงาน และปั๊มน้ำมันต่าง ๆ เป็นต้น

มีวิธีการดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้าอย่างไร
สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญในการบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุด คือ แบตเตอร์รี่รถยนต์ จึงควรคำนึงถึงวิธีการยืดอายุการใช้งานของแบตเเตอร์รี่ให้ได้มากที่สุด เพราะการเปลี่ยนแบตเตอร์รี่รถยนต์นั้นมีราคาที่สูงมาก ซึ่งวิธียืดอายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ไม่ให้เสื่อมเร็ว มีดังนี้

- ไม่ควรปล่อยให้แบตเตอร์รี่เหลือ 0%

- ไม่ควรชาร์จในพื้นที่ที่มีอุณหภมิสูงเกินไป

- ไม่ควรชาร์จรถยนต์ด้วยไฟฟ้าระบบ DC บ่อย ซึ่งเป็นการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง ถึงแม้จะเป็นระบบที่ทำให้ชาร์จได้เร็วขึ้น แต่จะทำให้แบตเตอร์รี่เกิดอุณหภูมิสูงขึ้น แบตเตอร์รี่ทำงานหนักขึ้นและเสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้ ดังนั้นควรเลือกชาร์จด้วยไฟฟ้าระบบ AC มากกว่า ซึ่งเป็นการชาร์จไฟฟ้าแบบกระแสสลับ ใช้เวลาค่อนข้างนานประมาณ 4-7 ชั่วโมง จะถนอมแบตเตอร์รี่ได้มากกว่า ซึ่งส่วนมากจะติดตั้งที่บ้าน ที่สำหนักงานหรือห้างสรรพสินค้าที่สามารถจอดชาร์จได้นาน