อยากมีโซนทำงานที่บ้าน (Home Office) เริ่มอย่างไรดี?

 

 

อยากมีโซนทำงานที่บ้าน
(Home Office)
เริ่มอย่างไรดี?

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ในปัจจจุบันการทำงานที่บ้านกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น ไม่เพียงแต่เจ้าของกิจการ หรืออาชีพอิสระที่รู้จักกันดีอย่างฟรีแลนซ์ พนักงานบริษัทในบางบริษัท ที่มีนโยบายให้ทำงานที่บ้านประกอบกับทำงานที่ออฟฟิศได้ ก็มีเพิ่มมากขึ้น รวมถึงผู้ที่ต้องการทำอาชีพเสริมที่บ้านหลังเลิกงานก็ดี การมีพื้นทีสำหรับใช้ทำงานเป็นกิจจะลักษณะเป็นอีกความสำคัญในการจัดสรรจากฟังก์ชันบ้าน ซึ่งหากใครมีพื้นที่ในบ้านพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง และเป็นพื้นที่ประจำเพื่อใช้ในการทำงาน จะช่วยให้สามารถโฟกัสกับงานที่ทำอยู่ได้มากขึ้น มีสามาธิมากขึ้น และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคุณได้มากยิ่งขึ้น แต่ปัญหาที่มักพบเมื่อคุณกำลังจัดสรรพื้นที่การทำงานที่มักพบบ่อยคือ จะเลือกพื้นที่ส่วนไหนของบ้านดี เพราะลองเปลี่ยนหลายที่แล้วยังขาดสมาธิการทำงานอยู่ รวมถึงอุปกรณ์การทำงานยังไม่ตอบโจทย์มากนัก บทความนี้จะช่วยให้คุณเลือกสรรพื้นที่ให้เหมาะกับคุณ และอุปแกรณ์ทำหรับทำงานพื้นฐานในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีอะไรบ้าง อ่านต่อเลย!

1. การเลือกทำเลที่เหมาะสม

การเลือกทำเลที่เหมาะสมสำหรับการทำงานมัปัจจัยสำคัญๆ ได้แก่ แสงสว่าง เสียงรบกวน และ ความเป็นส่วนตัว : แสงสว่างทั้งจากธรรมชาติและจากหลอดไฟที่เพียงพอจะช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีพลังช่วยให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ , เสียงรบกวนเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสมาธิ หากมีเสียงดังรบกวนมากเกินไปจะทำให้คุณสามารถจดจ่ออยู่กับงานได้น้อยลง ยิ่งงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ด้วยแล้ว ยิ่งต้องเลือกพื้นที่ที่มีเสียงรบกวนยิ่งน้อยยิ่งดี , ความเป็นส่วนตัวเป็นอีกปัจจัยที่ช้วยส่งเสริมให้คุณมีสมาธิเพิ่มขึ้น โดยเลือกพื้นที่ที่ไม่ได้มีคนในครอบครัวเดินผ่านหรืออยู่ติดทางด้านที่มีรถวิ่งผ่านมากเกินไป

2.การออกแบบและการตกแต่ง

2.1 สไตล์การตกแต่ง
การออกแบบและตกแต่งห้องนั้นเป็นการสร้างคาแรคเตอร์ให้กับห้องทำงานของคุณได้เป็นอย่างดี สไตล์ที่เป็นที่นิยมได้แก่สไตล์ มินิมอล โมเดิร์น และคลาสสิก : สไตล์มินิมอล เป็นไสตล์ที่เน้นความเรียบง่าย มีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่น้อยชิ้น สีสันอ่อนโยน เช่น สีขาว สีครีม หรือสีไม้อ่อน เป็นต้น , สไตล์โมเดิร์น เป็นอีกสไตล์ที่เน้นความเรียบง่าย สามารถเข้าได้กับทุกช่วงเวลา สีสันโทนเย็น ให้ความรู้สึกเข้าถึงง่ายและสบายตา และ สไตล์คลาสสิก เป็นสไตล์ที่เน้นถึงความหรูหรา ส่วนใหญ่ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม ให้ความรู้สึกคมเข้ม เหนือกาลเวลา

2.2 เฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น
การเลือกเฟอร์นิเจอร์นั้นต้องเลือกให้สอดคล้องกับสไตล์ที่เลือกไว้ข้างต้น เพื่อให้การสร้างคาแรคเตอร์ของห้องชัดเจนยิ่งขึ้น โดยควรเลือกดีไซน์ที่อยู่ในโทนเดียวหรือเข้ากับสไตล์ให้ได้มากที่สุด เช่น เลือกสไตล์มินิมอล ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีความเรียบง่าย สีสันให้ความรู้สึกถึงความอ่อนโยน ซึ่งเฟอร์นิเจอร์เบื้องต้นที่จำเป็นสำหรับการทำงานที่บ้าน ได้แก่ โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ชั้นวาง และตู้เก็บของ โดยคุณอาจจะเลือกการบิ้วท์อินให้อุปกรณ์ทุกอย่างเป็นเซตเดียวกัน นอกจากนี้ควรเลือกวัสดุการใช้งานให้เหมาะสมกับการทำงานของคุณด้วย เช่น คุณจำเป็นจะต้องนั่งทำงานที่โต๊ะเป็นเวลานาน ก็ควรเลือกเก้าอี้ที่สามารถรองรับสรีระการทำงานของคุณได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการทำงานอย่างโรคสุดฮิตอย่าง ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ได้

2.3 อุปกรณ์เสริม
นอกจากเฟอร์นิเจอร์หลักที่จะช่วยให้การทำงานของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว การเลือกใช้อุปกรณ์เสริมหรือแกตเจ็ตบางอย่าง จะสามารถช่วยส่งเสริมให้การทำงานของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีก เช่น การวางต้นไม้ตกแต่งไว้ในห้องทำงาน จะช่วยให้คุณรู้สึกสนชื่นมากขึ้น และยังสามารถช่วยลดความเครียดจากการทำงานลงได้, การเลือกเก้าอี้หรือโซฟาสำหรับนักพักผ่อน หากคุณจำเป็นต้องทำงานในห้องทำงานเป็นเวลานาน การเลือกโซฟาสำหรับใช้พักผ่อนโดยเฉพาะจะสามารถช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้, อุปกรณ์สำหรับเปิดเพลงคุณภาพดี จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายจากการทำงานได้มากขึ้น และหากคุณเปิดเพลงคลอไปกับการทำงานจะยิ่งช่วยให้คุณมีสมาธิและจดจ่อกับการทำงานได้มากยิ่งขึ้น

 


3. การจัดระเบียบและจัดเก็บ

ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะเข้าสู่สังคมออนไลน์เกือบเต็ม 100% แล้ว แต่ยังปฏิเสธไม่ได้ว่า เอกสารบางอย่างที่ต้องการความเป็นทางการ อาจจำเป็นต้องเก็บในรูปแบบกระดาษ ซึ่งหากมีเอกสารสำคัญจำนวนมากควรจัดระเบียบเอกสารเหล่านั้นแยกประเภทตามหมวดหมู่ เพื่อเมื่อมีความจำเป็นต้องเรียกใช้อีกครั้งจะค้นเจอได้ง่าย โดยอาจเลือกใช้อุปกรณ์จัดระเบียบต่างๆ และอาจจะระบุชื่อหรือประเภทไว้ เช่น กล่องเก็บของ ชั้นวางเอกสารเฉพาะ หรือตู้เก็บเฉพาะ และจะช่วยให้คุณสามารถเลือกจัดเก็บเอกสารสำคัญๆ จะช่วยให้ห้องทำงานของคุณไม่อึดอัดจนเกินไปได้

 


4. เทคโนโลยีที่ช่วยในการทำงาน

ปัจจุบันนี้มีแกจเจ็ตที่ช่วยส่งเสริมให้การทำงานของคุณง่ายขึ้นมากมาย อุปกรณ์สำคัญเบื้องต้นที่เหมาะสำหรับการลงทุนซื้อ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และ เครื่องพิมพ์เอกสาร หากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์ดีๆ แต่ไม่แน่ใจว่าสเปคเครื่องใช้ต่าง ๆ ควรซื้อรุ่นใด ให้คุณพิจารณาจากเนื้อหางานที่คุณทำ เช่น สายงานเกี่ยวกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ อาจจะต้องเลือกอุปกรณ์ที่มีสเปคการใช้งานสูง เพื่อให้รองรับงานออกแบบต่าง ๆ ได้ เป็นต้น

นอกจากแกตเจ็ตสุดล้ำเพื่องานที่มีประสิทธิภาพแล้ว ซอฟแวร์บางอย่างก็มีส่วนช่วยให้การทำงานของคุณง่ายขึ้น เช่น โปรแกรมจัดการตารางเวลา หลายคนในปัจจุบันเลือกใช้ปฏิทินในออนไลน์มากกว่าการใช้บันทึกข้อมูลนัดหมายงานต่าง ๆ ในปฏิทินกระดาษ ด้วยความคล่องตัวในการใช้งานมากขึ้นและสามารถแชร์ตารางนัดหมายกับเพื่อนร่วมงานได้ด้วย และอีกโปรแกรมยอดฮิตสำหรับสายทำงานที่บ้านคือ โปรแกรมประชุมออนไลน์ เป็นโปรแกรมสำหรับใช้ประชุมงานกับเพื่อนหรือลูกค้าได้ เพิ่มความสะดวกให้กับทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี

5. การดูแลสุขภาพระหว่างทำงาน

แน่นอนว่าการทำงานที่บ้านนั้น สิ่งที่สำคัญพอ ๆ กับงานที่มีประสิทธิภาพ คือสุขภาพของคุณ โดยการนั่งทำงานที่โต๊ะและจดจ่อเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณในระยะยาวได้ ซึ่งการรักษาให้สุขภาพดีนั้นประกอบจาก การทำงานในท่านั่งที่ถูกต้อง โดยใหเคุณปรับเก้าอี้ให้เหมาะสมกับสรีระ วางเท้าราบกับพื้น พิงพนักเก้าอี้, การพักสายตา ให้คุณกระพริบตาบ่อย ๆ และ มองไกลเป็นระยะ ๆ เพื่อให้คุณปรับสายตาจากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน และมีการออกกำลังกายเบา ๆ โดยการยืดเส้นยืดสาย และการเดินเล่นเบา เพื่อให้ร่างกานมีการขยับตัวมากขึ้น และไม่นั่งท่าเดิมนานจนเกินไป


 

สรุปเนื้อหาสำคัญ

การจัดสรรพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งให้เป็นมุมทำงานโดยเฉพาะจะยิ่งช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของคุณได้สูงขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับเราจัดโซนห้องทำอาหาร โซนห้องนอน โซนห้องน้ำ แยกเป็นสัดส่วน โดยวิธีเลือกมุมการทำงานคือ เลือกพื้นที่ที่มีแสงสว่างส่องถึง ไม่มีเสียงดังรบกวน และ เป็นพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัว เพื่อช่วยเพิ่มสมาธิการทำงานให้ให้คุณสามารถจดจ่ออยู่กับการทำงานได้มากขึ้น และเมื่อคุณเลือกมุมทำงานได้แล้วองค์ประกอบอื่น ๆ ที่จะช่วยให้มุมทำงานของคุณน่าสนใจมากขึ้น คือ การเลือกสไตล์การแต่งห้อง การเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าชุด อุปกรณ์การทำงานดี ๆ ที่ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของคุณ สุดท้ายนี้การทำงานเป็นสิ่งสำคัญแต่คุณก็ควรให้ความสำคัญของสุขภาพร่างกายพอ ๆ กับการทำงานด้วย โดยระหว่างทำงานควรมีการยืดเหยียด ลุกเดินบ้าง หรือการพักสายตาจากการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานจนเกินไป เพียงเท่านี้การทำงานที่บ้านของคุณจะมีประสิทธิภาพแบบเต็มแม็กซ์!!